ความสำเร็จของฟาร์ม เริ่มต้นที่หมูสาวทดแทน

เริ่มต้นจากหมูสาวสู่ความสำเร็จของฟาร์ม

การเลี้ยงหมูในปัจจุบัน ได้พัฒนาต่างจากการเลี้ยงในอดีตมาก ได้มีการนำหลักวิชาการต่างๆ เข้ามาช่วยเพื่อเพิ่มผลผลิตของฟาร์มมากขึ้น ซึ่งทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงเริ่มให้ความสนใจในการพัฒนาผลผลิตของฟาร์ม และเป็นไปไม่ได้เลยหากเราไม่เริ่มตั้งแต่จุดเริ่มต้นของฟาร์ม นั่นคือการรับหมูสาวเข้าฟาร์ม เพราะหมูสาวคือตัวกำหนดอนาคตของฟาร์มได้ดีที่สุด

การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตในฝูงพ่อแม่พันธุ์ ตัวชี้วัดที่นิยมใช้กันคือ ลูกหย่านมต่อแม่ทับต่อปี หรือ P/S/Y ซึ่งเป็นค่าที่สามารถบอกได้ว่าฟาร์มของเราสามารถทำกำไรได้มากหรือน้อยเพียงใด โดยเฉลี่ย P/S/Y ในประเทศไทยจะอยู่ที่ประมาณ 22-25 ตัวต่อแม่ต่อปี ซึ่งถ้าหากเราสามารถเพิ่มจำนวนลูกหย่านมได้มากขึ้นตามการปรับปรุงพันธุ์ของหมูเดนมาร์กที่สามารถทำได้มากกว่า 30 ตัวต่อแม่ต่อปี นั่นคือกำไรของฟาร์มที่มากขึ้นโดยต้นทุนของฟาร์มเท่าเดิม จะดีกว่าไหมถ้าเราเลือกสายพันธุ์ที่ให้ลูกดก แข็งแรง มาพัฒนาผลผลิตของฟาร์มเรา

หมูเดนมาร์ก เป็นที่รู้โดยทั่วกันอยู่แล้วว่า เป็นสายพันธุ์ที่ให้ลูกดก จำนวนลูกทั้งหมดเฉลี่ยมีมากกว่า 16 ตัว/แม่ ซึ่งถ้าทำให้ลูกดกตั้งแต่ในท้องแรกท้องถัดๆไปจะให้ลูกที่ดกขึ้นเช่นกัน  นอกจากสายพันธุ์ที่ให้ลูกดกแล้ววิธีการจัดการของหมูสาวอย่างไรที่จะทำให้เราได้ลูกดกสูงสุด จึงได้รวบรวมปัจจัยที่มีผลต่อประสิทธิภาพการผลิตของหมูสาว ดังนี้

 

ตารางที่ 1 กราฟแสดงหมูสาวที่ผสมในสัด 1 2 และ 3 ในอายุ 6 7 และ 8 เดือน

 

1. อายุที่เริ่มผสม 230-250 วัน หรือ 32-35 สัปดาห์ และให้เริ่มผสมหลังจากเช็คสัดครั้งที่ 2 เป็นต้นไป ดังนั้นอายุที่เหมาะสมสำหรับหมูเดนมาร์ก จะเริ่มผสมที่อายุ 32-35 สัปดาห์ เป็นช่วงที่มีความสมบูรณ์พันธุ์พร้อมรับการผสมมีพื้นที่ในการฝังตัวมากขึ้น จากการศึกษาพบว่าให้หมูสาวอายุมากกว่า 7-8 เดือนให้จำนวนลูกที่มากกว่าหมูสาวที่ผสมอายุ 6 เดือนและผสมในสัดที่ 2 หรือ 3 ให้จำนวนลูกมากกว่าผสมในสัดที่ 1 ดังตารางที่ 1

ตารางที่ 2 อัตราการเจริญเติบโตตั้งแต่หย่านมถึงผสมครั้งแรก

2. น้ำหนักที่เริ่มผสมประมาณ 130-155 กิโลกรัม โดยมีอัตราการเจริญเติบโตอยู่ที่ 750-800 กรัมต่อวัน ที่น้ำหนัก 30-140 กิโลกรัม เมื่อหมูสาวมีการเจริญเติบโตได้ตามเกณฑ์บ่งบอกว่าหมูมีความสมบูรณ์พร้อมรับการผสม สามารถพัฒนาระบบเต้านม ช่วยเพิ่มขนาดครอก และที่สำคัญทำให้ยืดอายุการใช้งานของหมูสาวได้ ไม่ควรให้หมูสาวมีการเจริญเติบโตรวดเร็วจนเกินไป เพราะมีผลต่อการพัฒนาของมวลกระดูกที่ทำให้หมูสาวรับน้ำหนักอุ้มท้องที่มากขึ้นไม่ได้ ดังตารางที่ 2 แสดงถึงอัตราการเจริญเติบโตของหมูสาวแต่ละช่วงอายุตั้งแต่หย่านมจนถึงเริ่มผสมครั้งแรก

3. ค่าไขมันที่กระดูกสันหลังตำแหน่งที่ P2 อยู่ที่ 12-15 มิลลิเมตร ในช่วงก่อนผสม โดยไขมันบริเวณกระดูกสันหลังจะเป็นแหล่งพลังงานสะสมสำหรับการฝังตัวของตัวอ่อนทำให้ตัวอ่อนสามารถฝังตัวได้ดีขึ้น มีโอกาสเพิ่มจำนวนลูกทั้งหมดได้มากขึ้น ซึ่งค่าไขมันที่กระดูกจะสัมพันธ์กับน้ำหนักและขนาดตัวของสุกร แสดงถึงความพร้อมรับในการรับการผสม

4. ให้พ่อเช็คสัดเข้ากระตุ้นหมูสาวที่อายุ 200 วัน หรือ 28 สัปดาห์ เป็นต้นไป การนำพ่อเข้าเช็คสัดเพื่อเพิ่มความแม่นยำในการจับสัด และกระตุ้นการเป็นสัดของหมูสาวได้ดียิ่งขึ้น ทำให้สามารถวางแผนการผสมได้อย่างถูกต้องเพิ่มโอกาสการผสมติดได้ดีขึ้น

5. การปรนอาหารหมูสาวก่อนผสม 7-10 วัน โดยเพิ่มปริมาณอาหารจากเดิมที่ให้วันละ 2.9 กิโลกรัม เป็น 3.5-4.0 กิโลกรัมต่อวัน เพื่อกระตุ้นให้มีการตกไข่มากขึ้น ดังตารางที่ 3 แสดงถึงปริมาณการให้อาหารแต่ละช่วงอายุจนถึงช่วงปรนอาหารก่อนผสม

 


ตารางที่ 3 ปริมาณการให้อาหารแต่ละช่วงอายุ และ ปรนอาหารก่อนผสม

 

จากปัจจัยที่ผลต่อประสิทธิภาพการผลิตของหมูสาวที่ได้กล่าวมานั้น ได้มีการทดลองใช้ในฟาร์มของเครือแอมโก้เวทและพบว่าสอดคล้องกับผลผลิตของฟาร์มทำให้ผลผลิตของฟาร์มเป็นไปตามเป้าหมาย โดยตั้งเป้าหมายจำนวนลูกมีชีวิตในท้องแรกให้ได้มากกว่า 14 ตัว/แม่ และเพิ่มมากขึ้นในท้องถัดๆไป ดังตารางที่ 4 แสดงโปรแกรมหมอหมูแสดงจำนวนลูกทั้งหมดและลูกมีชีวิตจำแนกโดยลำดับท้อง

ตารางที่ 4 โปรแกรมหมอหมูแสดงจำนวนลูกทั้งหมดและลูกที่มีชีวิต จำแนกโดนลำกับการท้อง

 

จำนวนลูกหย่านม 30 ต่อแม่ต่อปี คงไม่ไกลเกินเอื้อม ….. เริ่มต้นที่หมูสาวแอมโก้เวท

เราใช้คุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใข้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุ้กกี้ได้ที่ นโยบายคุ้กกี้ และ สามารถเลือกตั้งค่ายินยอมการใช้คุ้กกี้ ได้โดยการคลิก การตั้งค่าคุกกี้

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับคุกกี้ทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่มีความจำเป็น (Necessary Cookies)
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ประเภทนี้มีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อการทำงานของเว็บไซต์ ได้แก่ คุกกี้ที่ทำให้เว็บไซต์สามารถทำหน้าที่ขั้นพื้นฐานและช่วยให้การทำงานของเว็บไซต์ทำงานได้เป็นปกติ เช่น การเลื่อนสำรวจหน้าเว็บไซต์ หรือทำให้ผู้เข้าชม/ผู้ใช้เว็บไซต์เข้าสู่ระบบและสามารถเข้าถึงส่วนของเว็บไซต์ที่ถูกสงวนไว้ให้ใช้ได้เฉพาะสมาชิกเท่านั้น โดยเว็บไซต์จะไม่สามารถทำงานอย่างถูกต้องได้เลยหากไม่มีการเก็บรวบรวมคุกกี้เหล่านี้ ดังนั้น ท่านไม่สามารถปิดการใช้งานของคุกกี้ประเภทนี้ผ่านระบบของเว็บไซต์ของบริษัทได้ ทั้งนี้คุกกี้ประเภทนี้ไม่ได้มีการจัดเก็บข้อมูลซึ่งสามารถระบุตัวตนของท่านได้อย่างเฉพาะเจาะจงแต่อย่างใด

  • คุกกี้เพื่อกำหนดเป้าหมาย (Targeting Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้อาจถูกติดตั้งโดยพันธมิตรทางการตลาดผ่านทางเว็บไซต์ของเรา โดยจะทำการจัดเก็บข้อมูลการเข้าชมเว็บไซต์ของท่านว่า ท่านเข้าชมเว็บไซต์ใดบ้าง และเข้าชมเว็บไซต์ผ่านทางลิงก์ใดบ้าง บริษัทใช้ข้อมูลเหล่านี้เพื่อวิเคราะห์และนำเสนอเนื้อหาที่มีความเกี่ยวข้องกับความสนใจของท่านมากขึ้น บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลเหล่านี้แก่บุคคลที่สามเพื่อวัตถุประสงค์เหล่านี้ด้วย หากท่านไม่อนุญาตให้ใช้คุกกี้ประเภทนี้ ท่านจะได้รับการโฆษณาที่เฉพาะเจาะจงน้อยลง

บันทึก