Breeding for robustness in pigs: การพัฒนาพันธุ์หมูเพื่อเพิ่มความแข็งแรง

1.ลักษณะโครงสร้างของหมู

การพัฒนาสายพันธุ์โดยเน้นเรื่องความแข็งแรงของหมูถือเป็นปัจจัยสำคัญในการเพิ่มผลผลิตและให้หมูมีสุขภาพทีดีขึ้นมีความแข็งแรงมากขึ้น หมูที่มีความแข็งแรงจะสามารถทนต่อสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงได้ ทนต่อโรคและให้ผลผลิตได้สูงสุด

การพัฒนาสายพันธุ์ได้มีการใส่คุณลักษณะของความแข็งแรงเข้าไปด้วย คือ เรื่องโครงสร้างและอายุการใช้งาน มาเป็นระยะเวลานานแล้ว ซึ่งเห็นได้จากผลผลิตที่ดีขึ้นจากหมูที่มีความแข็งแรงและอายุการใช้งานที่ดีขึ้น การปรับสมดุลของเป้าหมายการปรับปรุงพันธุ์จะไม่เน้นในเรื่องของผลผลิตอย่างเดียวแต่ยังมุ่งไปในเรื่องของสุขภาพและการพัฒนาให้หมูแข็งแรงขึ้น

ความแข็งแรงมีผลต่อหลากหลายลักษณะพันธุ์

ไม่ว่าจะเป็นผลผลิตและสุขภาพที่มีความสัมพันธ์ต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม ได้ทดสอบในสภาพแวดล้อมที่มีโภชนาการต่ำ เชื้อโรคเยอะ อุณหภูมิสูงหรือต่ำเกินไป หรือมีการระบายอากาศไม่ดี ความแข็งแรงได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการปรับตัวกับสิ่งแวดล้อม บริษัทสายพันธุ์จึงได้กำหนดความแข็งแรงถึงศักยภาพของผลผลิต ยกตัวอย่างเช่น อัตราแลกเนื้อ การเจริญเติบโต เปอร์เซ็นต์เนื้อแดง หรือ ความสมบูรณ์พันธุ์ในสภาพแวดล้อมที่กำหนด และยังทดสอบกับในที่ที่ไวกับทนต่อเชื้อโรคหรือความเสียหาย รวมไปถึงการลดการคัดทิ้ง ลดอัตราการตาย

โครงสร้างเป็นตัวชี้วัดหนึ่งของความแข็งแรง

โครงสร้างจะแสดงถึงความแข็งแรงและสุขภาพของขา กีบ และหลัง รวมถึงลักษณะผิดปกติที่มีตั้งแต่เกิดหรือเป็นทีหลัง ยกตัวอย่างเช่นจากการขาดโภชนะ โรงเรือน หรือ การติดเชื้อ

การเลือกปรับปรุงโครงสร้างเพื่อเพิ่มผลผลิตและสวัสดิภาพสัตว์รวมไปถึงการเพิ่มผลกำไรของหมูขุน และแม่พันธุ์โดยลดการคัดทิ้งแม่ลงได้ โครงสร้างที่มีปัญหาเช่น ขาเจ็บ เพิ่มความเสี่ยงในการคัดทิ้ง และเป็น 10-15%ของการคัดทิ้งแม่พันธุ์ อย่างที่รู้กันว่าขาเจ็บทำให้หมูเจ็บและเครียดซึ่งส่งผลโดยตรงต่อผลผลิต

ในหมูขุน ขาเจ็บสัมพันธ์ต่อการกินอาหารและการเจริญเติบโตที่ลดลง รวมถึงผลผลิตในแม่พันธุ์ด้วย อาการขาเจ็บส่งผลเสียต่อผลผลิตในแม่พันธุ์แต่โครงสร้างที่ดีของหมูจะเป็นตัวชี้วัดที่ดีตัวหนึ่งของการพัฒนาสายพันธุ์ในการเพิ่มความแข็งแรง

การเลือกลักษณะโครงสร้างที่ดี

แดนบรีดได้ทำการพัฒนามาหลายปีมาก ทั้งเรื่องโครงสร้างทีดีและอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้นซึ่งจะเห็นได้ในเป้าหมายการปรับปรุงพันธุ์มาโดยตลอดตั้งแต่ปี 1995

ลักษณะที่ได้มีการให้คะแนนโครงสร้างได้ถูกทดสอบโดยผู้เชี่ยวชาญ โดยให้คะแนนหมูเป็นรายตัวจากการประเมินขาหน้า ขาหลัง รวมถึงหลังและลักษณะทั่วไป

โครงสร้างของหมูจะประเมินจากการเดิน เพราะ อาการขาเจ็บไม่ได้เห็นเฉพาะในหมูไม่ยอมเดิน เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์สูงสุดของการถ่ายทอดทางพันธุกรรม จึงมีความจำเป็นต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมเวลาให้คะแนน

สภาพแวดล้อม โรงเรือนที่ทดสอบต้องไม่ลื่น มีแสงสว่างเพียงพอ และ มีพื้นที่เพียงพอที่จะเห็นการเดินของหมูได้ไม่ใช่เห็นเฉพาะด้านหลังอย่างเดียวแต่ต้องเห็นทั้งด้านหน้าและด้านข้างด้วย ยิ่งไปกว่านั้น หมูต้องมีความคุ้นเคยกับคนเลี้ยง ไม่เช่นนั้นจะทำให้หมูยิ่งเครียดระหว่างการให้คะแนนทำให้หมูเคลื่อนที่ได้ยาก และสุดท้ายความเชี่ยวชาญของผู้ประเมินจะทำให้บรรลุตามวัตถุประสงค์สูงสุด

ยกตัวอย่าง

โครงสร้างที่ไม่ดีคือ ขาหน้าบิดเข้า-บิดออก หรือ ขาหลังปัด

โครงสร้างที่ดีคือ เดินได้ดี ไม่เห็นความผิดปกติที่ขาหรือกีบ จากจำนวนทั้งหมด 100,000 ตัว จากฟาร์มพันธุ์แท้ 23 ฟาร์ม มีการทดสอบทุกปีและมีการบันทึกเพื่อปรับปรุงต่อไป

ความคืบหน้าของการพัฒนาพันธุกรรม

หมูของแดนบรีดมีการปรับปรุงโครงสร้างเพื่อเพิ่มความแข็งแรงผลที่ได้ทำให้อัตราการเจริญเติบโตเพิ่มขึ้น 150-200 กรัม/วัน และมีเปอร์เซ็นต์เนื้อแดง 1.5-2.5% เพิ่มขึ้นมากกว่า 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้หมูแดนบรีดไม่ได้เจอกับปัญหาสุขภาพมากนัก ในปี1980-1990 ตัวอย่างที่ไม่ดีที่ไม่ควรทำตามคือ ปัญหาขา และ ระบบสืบพันธุ์ในไก่เนื้อ หลังจากเน้นการปรับปรุงเรื่องการเจริญเติบโตและเน้นกล้ามเนื้ออกเป็นหลัก

การพัฒนาพันธุกรรมด้านโครงสร้าง

โครงสร้างเป็นลักษณะที่ถ่ายทอดต่ำไปถึงกลาง จากการศึกษาของสายพันธุ์ แลนด์เรซ และ ยอร์กเชียร์ มีความหลากหลายอยู่ที่ 0.04-0.15 โดยความหลากหลายไม่ใช่แค่ต่างสายพันธุ์เท่านั้นแต่ต่างสภาพแวดล้อมก็มีผลต่อโครงสร้างเช่นกัน รวมถึงความเชี่ยวชาญของผู้ประเมิน

ในปีที่ผ่านมา ความสามารถในการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมในเรื่องโครงสร้างของหมู DanBred Landrace, DanBred Yorkshire และ DanBred Duroc ได้แก่ 0.19, 0.15 และ 0.20 ตามลำดับ

ซึ่งการถ่ายทอดทางพันธุกรรมเป็นตัวกำหนดศักยภาพของความก้าวหน้าทางพันธุกรรม แต่หากต้องการพัฒนาหมูให้มีความแข็งแรงจำเป็นต้องศึกษาปัจจัยทางด้านพันธุกรรมอื่นที่ส่งผลต่อความแข็งแรงร่วมด้วย

จากการศึกษาในปี 2015 ของ หมูแดนบรีดแสดงให้เห็นว่าคะแนนโครงสร้างมีค่าความสัมพันธ์กับจำนวนลูกมีชีวิต 0.36  ซึ่งใกล้เคียงกับความสัมพันธ์ของช่วงหย่านมถึงผสมในลำดับท้องที่ 2 คือ 0.35 นั่นหมายความว่าหมูที่มีลักษณะโครงสร้างที่ดีจะสามารถให้ลูกมีชีวิตที่มากขึ้นและสามารถกลับมาเป็นสัดได้เร็วขึ้น เมื่อเทียบกับกลุ่มที่มีคะแนนโครงสร้างที่น้อยกว่า

Maximising future progress ความก้าวหน้าในอนาคต

แดนบรีดมีการพัฒนาวิธีการประเมินโครงสร้างหมูในการทดสอบพันธุ์ ซึ่งวิธีการใหม่ได้รับการยืนยันว่าสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการจำแนกความแตกต่างทางพันธุกรรมที่บ่งบอกถึงความแข็งแรงได้ วิธีการใหม่จะมีวิธีการในการจำแนกคะแนนโครงสร้างได้ง่ายขึ้น ซึ่งทำให้สามารถเลือกหมูที่จะนำไปเป็นพ่อแม่พันธุ์ที่แข็งแรงที่สุดได้แม่นยำมากขึ้น

การกำหนดลักษณะการแสดงออกทางพันธุกรรมใหม่ประกอบไปด้วย ขาหน้า ขาหลัง หลัง รวมถึงการถ่ายทอดลักษณะทั่วไปจากรุ่นก่อน ทำให้มีความหลากหลายในการถ่ายทอดทางพันธุกรรมที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับการดูลักษณะโครงสร้างแบบเดิม

วิธีการใหม่นี้สามารถเพิ่มความสามารถในการถ่ายทอดทางพันธุกรรมและความสามารถในการคาดการณ์ได้สูงขึ้น 10% เทียบกับการดูลักษณะโครงสร้างแบบเดิม โดยการทดสอบนี้ทำให้เห็นว่าความแตกต่างที่เกิดขึ้นระหว่างหมูแต่ละตัวนั้นมีผลจากพันธุกรรมถึง 22% โดยไม่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม วิธีการแบบใหม่จะเริ่มนำมาใช้ในช่วงฤดูร้อนปี 2019 และคาดการณ์ว่าจะสามารถเพิ่มการคัดเลือกโครงสร้างได้ดีขึ้นจนถึง 5%

 

บทความอื่นๆ
การหลีกเลี่ยง Heat Stress ความเครียดจากร้อนของสุกรในช่วงฤดูร้อน

จากสถิติในปี 2022 กว่า 22 ประเทศทั่วโลกมีอุณหภูมิสูงถึง 50 องศาเซลเซียสหรือมากกว่านั้น และในปีนี้มีการคาดการณ์ว่าอุณหภูมิจะเพิ่มสูงกว่าปีที่ผ่านมา อาจส่งผลให้ปัญหา “heat stress” หรือสภาวะความเครียดจากความร้อนของสุกรจะขยายเพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน โดยภาวะนี้จะส่งผลกระทบอย่างมากในสุกรมากกว่าสัตว์ประเภทอื่น ๆ เนื่องจากสุกรไม่มีต่อมเหงื่อจึงไม่สามารถระบายความร้อนส่วนเกินออกจากร่างกายได้อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ยังส่งผลให้อัตราการเจริญเติบโตลดลง อัตราการป่วยตายสูงขึ้น อัตราการผสมติดต่ำ การกินอาหารได้ของสุกรลดลง ซึ่งปัญหาเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อการสูญเสียทางเศรษฐกิจในกลุ่มผู้ผลิตสุกรเป็นอย่างมาก ดังนั้นภาวะความเครียดจากความร้อนเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม เราสามารถจัดการและลดผลกระทบจากภาวะความเครียดจากความร้อน (heat stress) ในสุกร ได้ดังนี้ เพิ่มการระบายอากาศและใช้ความเร็วลมภายในโรงเรือนอย่างเหมาะสม การสร้างโรงเรือนแบบปิดและใช้ระบบควบคุมอุณหภูมิด้วยการระเหยน้ำ เช่น การทำความเย็นด้วยการระเหยน้ำที่เกิดจากความเร็วลม การเพิ่มไอน้ำและความชื้นในอากาศภายในโรงเรือน อุปกรณ์ในระบบต้องสะอาดและอยู่ในสภาพที่ใช้งานได้อยู่เสมอ และหากเป็นไปได้ควรใช้น้ำเย็นในระบบ อุณหภูมิ อัตราการระบายอากาศ ความเร็วลม ความชื้นสัมพัทธ์ และปัจจัยอื่น ๆ ควรปรับให้เหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศในแต่ละพื้นที่ จัดเตรียมน้ำสะอาดและน้ำเย็นในปริมาณที่เพียงพอ น้ำถือเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับสุกรและน้ำเย็นจะช่วยลดอุณหภูมิภายในร่างกายได้ โดยสุกรควรกินน้ำให้พอเหมาะกับการบริโภคอาหารเพื่อรักษาปริมาณการกินอาหารในช่วงฤดูร้อน การกินน้ำควรเพียงพอกับความต้องการของสุกรแต่ละอายุและวงรอบการผลิต โดยเฉพาะสุกรช่วงก่อนคลอด ช่วงเลี้ยงลูกรวมถึงช่วงสุกรขุน   สัตว์ ปริมาณน้ำที่ต้องการ (ลิตร/วัน) อัตราการไหลของน้ำ (ลิตร/นาที) แม่เลี้ยงลูก 35-50 4 […]

2 Nov 2023
อัตราการรอดชีวิตที่สูงขึ้น ของสุกรสายพันธุ์ Danbred คือทางรอดของกลุ่มผู้ผลิตสายพันธุ์สุกร

ขณะนี้ผู้ผลิตสุกรทั่วโลกที่ใช้พันธุกรรมของสุกรสายพันธุ์ Danbred สามารถคาดหวังอัตราการรอดชีวิตของลูกสุกรได้สูงขึ้น เป้าหมายล่าสุดในการพัฒนาสายพันธุ์ Danbred คือการเพิ่มอัตราการรอดชีวิตของลูกสุกร ด้วยเริ่มด้วยสายพันธุ์ Duroc กล่าวคือ ในเดือนมกราคม 2023  อัตราการรอดชีวิตของลูกสุกรในฝูงที่ผลิตในเดนมาร์กคาดการณ์ว่าจะมีอัตราการรอดชีวิตในลูกสุกรเติบโตขึ้นสูงกว่าปีที่แล้ว 0.8% และคาดว่าในเดือนพฤษภาคมจะมีลูกสุกรที่รอดชีวิตเพิ่มขึ้นอีก 1% “เราได้เห็นผลลัพธ์ของเป้าหมายการปรับปรุงพันธุ์ใหม่อย่างรวดเร็วในกลุ่มพัฒนาสายพันธุ์สุกร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสายพันธุ์ Duroc  เนื่องจากการปรับปรุงพันธุ์และประสิทธิภาพการผลิตใช้เวลาเพียงไม่กี่เดือน เราจึงคาดว่าการเพิ่มขึ้นของอัตราการรอดชีวิตของลูกสุกรจะเริ่มแสดงให้เห็นในการผลิตในช่วงนี้แล้ว” Tage Ostersen หัวหนาแผนกการปรับปรุงสายพันธุ์ และพันธุศาสตร์ของสภาการเกษตรและอาหารแห่งเดนมาร์กกล่าว การเจาะลึก LP5 ที่เพิ่มขึ้น ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2543 เป็นต้นมา ปัจจัยของเป้าหมายของการพัฒนาสายพันธุ์ (Breeding Goal) ที่ส่งผลต่อการรอดชีวิตของลูกหมูที่เพิ่มขึ้น คือ LP5 (จำนวนลูกสุกรที่มีชีวิตรอดที่อายุ  5 วัน) ด้วยการมุ่งหน้าพัฒนา LP5 ทำให้ขนาดครอกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ด้วยเหตุนี้ เจ้าของฟาร์มสามารถลดฝูงแม่พันธุ์ลง แต่ให้ผลผลิตหรือจำนวนลูกหย่านมที่เท่าเดิมได้ ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2565 เราได้ปรับปรุงเป้าหมายในการพัฒนาสายพันธุ์ เพื่อรวมคุณลักษณะใหม่สำหรับการอยู่รอดของลูกสุกร ทำให้ LP5 ถูกแบ่งออกเป็นสามส่วน โดยทาง […]

2 Nov 2023
เพิ่มลูกมีชีวิตได้ด้วยเทคนิคการให้อาหารแม่สุกรที่ถูกวิธี

การให้อาหารแม่สุกรแบบใหม่ที่ถูกวิธีสามารถช่วยเพิ่มลูกมีชีวิตมากขึ้น 1.7% หรือ 0.4 ตัวต่อครอก การให้อาหารแม่สุกรอุ้มท้องจนถึงหลังคลอดอย่างถูกวิธี ถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากสำหรับผลผลิตของฟาร์มสุกรในปัจจุบัน โดยแม่สุกรควรได้รับพลังงานที่เพียงพอสำหรับกระบวนการคลอดและการฟื้นตัวของแม่สุกรหลังคลอดด้วย ซึ่งจากการทดลองล่าสุดจากสถาบัน Aarhus University และ SEGES innovation พบว่าการให้อาหารแม่สุกร ประมาณ  3.3 – 3.8 กิโลกรัมต่อวันในช่วงย้ายแม่สุกรขึ้นคลอด (อย่างน้อย 3 วันก่อนคลอด) จนถึงคลอด สามารถเพิ่มลูกมีชีวิตได้มากขึ้น 1.7%  ยิ่งกินอาหารได้มากขึ้น ยิ่งทำให้ระยะเวลาการคลอดสั้นลง จากการศึกษาที่ผ่านมา จากสถาบัน Aarhus University และSEGES innovation ที่พบว่าไฟเบอร์จากบีทพัลป์ ในอาหารนั้นสำคัญสำหรับแม่สุกรโดยเฉพาะในกระบวนการคลอด วิธีการให้อาหารแบบใหม่ไม่เพียงแต่จะทำให้อัตราการรอดชีวิตของลูกสุกรมีมากขึ้น แต่ยังลดการช่วยคลอดหรือล้วงคลอด  อีกทั้งช่วยฟื้นตัวหลังคลอดได้ดียิ่งขึ้น   Camilla Kaae Højgaard หัวหน้าที่ปรึกษา SEGES Innovation. กล่าวว่า  “ ณ ตอนนี้พวกเราแนะนำว่าควรให้อาหารแม่สุกร ประมาณ  3.3 – 3.8 กิโลกรัมต่อวัน นับตั้งแต่วันที่ย้ายแม่สุกรเข้าเล้าคลอดจนถึงคลอด […]

2 Nov 2023

We use cookies to optimize and enhance the experience of using the website. You can learn more about the use of cookies at Cookie Policy and can choose to consent to the use of cookies. by clicking cookie settings

Privacy Preferences

You can choose cookie settings by on/off. Cookies of each type are available on request, except for Necessary Cookies.

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Necessary Cookies
    Always Active

    These types of cookies are essential for the website's operation, i.e. cookies that enable the website to perform basic functions and to allow the website to function normally, such as navigating the website pages. or enable visitors/users of the website to log in and access parts of the website that are reserved for members only. The website will not function properly without these cookies being collected. Therefore, you cannot disable these types of cookies through the system of the Company's website. These cookies do not store information that can personally identify you in any way.

Save