เมื่อราคาวิตามินอีผันผวน ควรใช้อะไรทดแทน

วิตามินอีมีความสำคัญในการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ในขณะเดียวกันพบว่าสารกลุ่มโพลีฟีนอลที่พบมากในผลไม้ตระกูลเบอร์รี่และสมุนไพรบางชนิดมีส่วนประกอบของสารกลุ่มโพลีฟีนอลในปริมาณสูง จึงมีการนำใช้ทดแทนการใช้วิตามินอีในอาหารสัตว์

ราคาวิตามินอี 50% ในยุโรปปี 2019-2020 (หน่วย; ยูโร)

การใช้สารเพื่อทดแทนการใช้วิตามินอี

การวิจัยในสุกรหย่านมแสดงให้เห็นว่า ผลิตภัณฑ์โพลีฟีนอลจากธรรมชาติ (Cabanin® CSD) สามารถลดการใช้วิตามินอีผสมอาหารลงได้ถึง 50-100% ของปริมาณที่ใส่เพิ่มจากที่สัตว์ต้องการ ซึ่งปริมาณวิตามินอีที่ลูกสุกรควรได้รับตามมาตรฐาน NRC  คือ 15 ppm และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตเมื่อใช้ร่วมกับวิตามินอี  นอกจากนี้ยังมีการใช้ในไก่เนื้อพบว่า สามารถทดแทนการใช้วิตามินอีได้ถึง 80%

ผลการใช้ที่โดดเด่นในลูกสุกร

จากการศึกษาในปี 2017 โดย Freie Universitat Berlin สาธารณรัฐเยอรมนีพบว่าสามารถใช้ Cabanin® CSD เพื่อทดแทนการใช้วิตามินอีปกติ 50% ของปริมาณที่ใส่เพิ่มในลูกสุกร โดยปริมาณที่แนะนำคือใช้ Cabanin® CSD 1000 ppm ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพผลผลิตได้ดี

เพิ่มการเจริญเติบโตด้วย Cabanin® CSD

พบว่าการใช้ Cabanin® CSD ในสุกรหย่านมได้ผลดีดังตาราง

ตารางที่ 1 แสดงปริมาณการให้วิตามิน อี และ Cabanin® CSD ที่แตกต่างกันของแต่ละกลุ่มการทดลอง

ความสามารถในการลดสภาวะเครียดที่เกิดจากออกซิเดชัน

Cabanin® CSD มีความสามารถในการเพิ่มระดับสารต้านอนุมูลอิสระของร่างกายได้ดีเมื่อเทียบกับการใช้วิตามินอี

 

แสดงการเปรียบเทียบ FCR ระหว่างกลุ่มการทดลอง

 

 

 

 

 

ตารางที่ 2 แสดงตัวชี้วัดภาวะเครียดจากออกซิเดชันในเลือดของสุกรอายุ 35 วัน
*SOD คือ Superoxide-dismutase เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ แสดงถึงความสามารถในการป้องกันร่างกายจากอนุมูลอิสระ
*MDA คือ Malondialdehyde แสดงถึงความเครียดของร่างกาย เมื่อความเครียดอยู่ในระดับต่ำจะมี MDA ปริมาณต่ำ

 

จากตารางที่ 2 พบว่ากลุ่มที่ใช้ Cabanin® CSD มีค่า SOD และ MDA ที่ดีกว่าเมื่อเทียบกับกลุ่มที่ใช้วิตามินอี โดย MDA เป็นสารที่มักพบจากปฏิกิริยาออกซิเดชันของไขมัน ในช่วงที่ร่างกายเกิดสภาวะเครียดจากการออกซิเดชัน  การพบสาร MDA ในระดับต่ำจึงหมายถึงร่างกายเกิดสภาวะเครียดต่ำและเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันของไขมันในระดับต่ำ

ซูเปอร์ออกไซด์(Superoxide) เป็นอนุมูลอิสระชนิดหนึ่ง ที่ก่อให้เกิดโทษต่อร่างกายด้วยการทำลายโปรตีนและสารพันธุกรรมในร่างกาย การวัดค่า SOD เป็นการวัดค่าเอนไซม์ที่มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระซูเปอร์ออกไซด์ ค่า SOD ในระดับสูง จึงบ่งบอกถึงความสามารถในการกำจัดและป้องกันร่างกายจากอนุมูลอิสระ

Cabanin® CSD

Cabanin® CSD ประกอบด้วยโพลีฟีนอลที่ได้จากสารสกัดธรรมชาติ อาทิ องุ่น แบล็คเคอแรนท์ ผลไม้ตระกูลมะนาว และเกาลัดหวาน ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระชั้นดี มีความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระได้สูงกว่าวิตามินซีและอี รวมทั้งช่วยลดกระบวนการอักเสบที่เกิดขึ้นในร่างกาย

Cabanin® CSD ปริมาณ 2 กิโลกรัมสามารถทดแทนการใช้วิตามินอี (100%) 1 กิโลกรัม ดังนั้นปริมาณการใช้ที่แนะนำสำหรับการทดแทนวิตามินอี (50%) คือ การทดแทน Cabanin® CSD ต่อวิตามินอีในอัตราส่วน 1:1 กิโลกรัม

ความคุ้มค่าในการใช้ Cabanin® CSD ทดแทนวิตามินอี

ในช่วงเวลาที่ราคาของวิตมินอีผันผวน การพิจารณาใช้ Cabanin® CSD ทดแทนจึงเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าการลงทุน สามารถลดต้นทุนให้กับฟาร์มได้ถึง 30%

 

ที่มา; การใช้ Cabanin® CSD เพื่อทดแทนการใช้วิตามินอี

โดย Annette L. Voergaard and Karsten C. Kjeldsen,

ฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ของ R2Agro. มีนาคม 2020

แปลโดย หมอแพร สพ.ญ.กวินทิพย์ จันรุณ

ทีมวิชาการลูกเจี๊ยบ แอมโก้เวท

 

 

 

บทความอื่นๆ

      วิธีการที่ดีในการเพิ่มการรอดชีวิตของลูกสุกร เพื่อให้ได้จำนวนลูกหย่าต่อแม่นั้น มีปัจจัยหลักคือแม่สุกรที่เลี้ยงลูกนั้นต้องสุขภาพดี ซึ่งจะต้องให้อาหารที่เหมาะสมและการจัดการที่ถูกต้องตลอดระยะเวลาเลี้ยงลูก ถึงแม้ว่าการปรับเปลี่ยนการจัดการในแม่ที่ให้ลูกดกนั้นจะเห็นผลช้าและไม่ง่ายเลย แต่ถ้าเราจัดการได้ถูกวิธีจะช่วยทำให้ผลผลิตของฝูงดีขึ้นได้แน่นอน       การช่วยให้ได้ลูกมีชีวิตที่มากขึ้นนั้นเริ่มต้นตั้งแต่ก่อนคลอด โดยย้ายแม่รอคลอดที่สุขภาพดีให้อยู่ในสภาพอากาศที่เหมาะสม และย้ายให้ถูกเวลาก่อนถึงกำหนดคลอด ซึ่งแม่รอคลอดควรได้รับอาหาร 3.3-4.0 กิโลกรัมต่อวันจนกว่าจะคลอด โดยให้เป็นเวลา อาจ 3 มื้อ หรือมากกว่านั้น และในอาหารควรมีปริมาณไฟเบอร์(แบบละลายน้ำและไม่ละลายน้ำ) 500-600 กรัมต่อวัน อีกทั้งการมีคนเฝ้าคลอดเพื่อช่วยทำคลอดและดูแลลูกแรกเกิดที่ตัวเล็กนั้น ก็สามารถช่วยเพิ่มการรอดชีวิตของลูกสุกรได้       ซึ่งระหว่างการคลอด สิ่งสำคัญคือลูกทุกตัวต้องได้รับนมน้ำเหลืองและความอบอุ่น โดยต้องมั่นใจว่าลูกสุกรได้รับนมน้ำเหลืองอย่างเพียงพอ ซึ่งสามารถทำได้โดยการแบ่งลูกสุกรให้ดูดนมแม่เป็นกลุ่มๆ(Split suckling) หรือย้ายลูกตัวเล็กไปให้แม่ที่มีลูกน้อยแต่ยังมีนมน้ำเหลืองอยู่ อีกทั้งการเกลี่ยจำนวนลูกหรือจัดไซส์ลูกควรทำให้เสร็จภายใน 8 ชั่วโมง และอาจช่วยโดยการเปิดไฟกกในกล่องกกหรือพื้นที่ที่ลูกนอน       และหลังคลอดที่เป็นแบบแผนและสามารถทำได้จริง       สาเหตุการตายของลูกสุกรแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ทั่วโลก อย่างเช่นในเดนมาร์ก 3 อันดับสาเหตุที่ทำให้ลูกสุกรอายุ 4 วันแรกตาย เกิดจากโดนแม่ทับ47%  […]

16 Jun 2023
หมูหนุ่มในวันนี้ สู่พ่อหมูที่ดีในวันหน้า เคล็ดไม่ลับ การเลี้ยงพ่อหมูอย่างมีคุณภาพ EP.1

หมูหนุ่มในวันนี้ สู่พ่อหมูในวันหน้า “เคล็ดไม่ลับการเลี้ยงพ่อหมูอย่างมีคุณภาพ” ภาค 1 ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า หน่วยพ่อพันธุ์มีความสำคัญมากในฟาร์มสุกรแม่พันธุ์ เนื่องจาก คุณภาพน้ำเชื้อจากพ่อหมูเป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพผลผลิตของฟาร์ม ดังนั้นหลายๆฟาร์มจึงมีความพิถีพิถันกับการเลือกซื้อพ่อหมู ใส่ใจวิธีการเลี้ยง การจัดการในโรงเรือนพ่อพันธุ์ รวมถึงขั้นตอนการผลิตน้ำเชื้อ เพื่อให้พ่อหมูสุขภาพดี สามารถใช้งานเป็นพ่อหมูรีดน้ำเชื้อที่มีสุขภาพดี และสามารถให้น้ำเชื้อที่มีคุณภาพให้กับฟาร์มได้ยาวนานที่สุด อย่างไรก็ตาม บางท่านอาจจะยังไม่ทราบว่าคุณภาพของน้ำเชื้อส่งผลได้จากหลายสาเหตุ และบางสาเหตุนั้น เป็นปัจจัยที่ทุกคนอาจมองข้าม เป็นที่มาของบทความนี้ ทางทีมวิชาการแอมโก้ ได้รวบรวมปัจจัยต่างๆที่ส่งผลต่อสุขภาพพ่อหมูและคุณภาพของน้ำเชื้อมาให้ทุกท่านได้อ่านกัน โดยหัวข้อในวันนี้เราจะเน้นที่ปัจจัยเรื่องของพันธุ์และการจัดการโรงเรือนพ่อหมูเป็นหลัก ได้แก่ การคัดเลือกหมูหนุ่มมาเป็นพ่อพันธุ์ พันธุกรรม, โรคที่ส่งผลต่อคุณภาพน้ำเชื้อ, การจัดการและสิ่งแวดล้อมภายในโรงเรือนพ่อพันธุ์ อาหารและโภชนาการ และสุดท้าย การรีดน้ำเชื้อพ่อพันธุ์ พันธุกรรมและการคัดหมูมาเป็นพ่อพันธุ์ วิธีการคัดพ่อพันธุ์นั้นมีความสำคัญมาก ที่จะเลือกพ่อพันธุ์ที่มีลักษณะดีและ ความสามารถในการสร้างน้ำเชื้อที่มีคุณภาพ หากฟาร์มไหนมีการคัดเลือกพ่อพันธุ์จากปัจจัยคุณภาพของน้ำเชื้อขณะที่หมูอายุน้อยกว่า 8 เดือน อาจทำให้ผลมีความคลาดเคลื่อน เนื่องจากหมูยังโตไม่เต็มที่ ดังนั้นควรมีการคัดเลือกพ่อหมูจากคุณภาพของน้ำเชื้อที่พ่อหมูอายุ 8 เดือนขึ้นไป เพื่อดูทั้งลักษณะโครงสร้างและความสามารถในการรีดน้ำเชื้อ ปัจจัยเรื่องของน้ำหนักแรกคลอด เป็นจุดหนึ่งที่ใช้ดูแนวโน้มคุณภาพของพ่อหมูตัวนั้นได้ โดยลูกสุกรน้ำหนักแรกเกิดสูง (เกือบ 2 กิโลกรัม) จะมีขนาดอัณฑะใหญ่กว่า หมูที่น้ำหนักแรกคลอดต่ำ (ราว 1 […]

8 Dec 2022
ลูกดกอย่างเดียวพอหรือไม่กับการพัฒนาสายพันธุ์ในปัจจุบัน

ลูกดกอย่างเดียวพอหรือไม่กับการพัฒนาสายพันธุ์ในปัจจุบัน เนื่องจากสถานการณ์การเลี้ยงสุกรในปัจจุบันกำลังประสบปัญหาต้นทุนเพิ่มสูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นด้านต้นทุนค่าวัตถุดิบอาหารสัตว์ ต้นทุนในการทำระบบความปลอดภัยทางชีวภาพ (Biosecurity) เพื่อลดความเสี่ยงต่อโรคระบาด ดังนั้นสิ่งที่ผู้ประกอบการทุกคนต้องการคือ การหาวิธีที่จะลดต้นทุนการผลิตให้ได้มากที่สุดหรือไม่เพิ่มสูงไปกว่าเดิม หนึ่งในปัจจัยที่มีส่วนช่วยในการลดต้นทุนการผลิตที่หลายๆ คนมองข้ามไปนั่นคือ “พันธุกรรม”   ปัจจุบันมีความก้าวหน้าทางด้านการพัฒนาพันธุกรรมของสุกรเป็นอย่างมาก ผู้พัฒนาสายพันธุ์สุกรหลายรายต่างก็ให้ความสำคัญกับสัดส่วนของดัชนีแต่ละค่าแตกต่างกันออกไป ซึ่งนอกจากดัชนีประสิทธิภาพสุกรขุนแล้ว ยังมีดัชนีประสิทธิภาพของแม่สุกร เช่น จำนวนลูกมีชีวิตที่สูง หรือที่เรียกกันว่าลูกดก ซึ่งทางผู้พัฒนาสายพันธุ์สุกรเองก็เลือกที่จะชี้ให้ผู้ประกอบการรับรู้ว่าถ้าหากได้จำนวนลูกหย่านมเพิ่มมากขึ้น (จากการที่ได้ลูกมีชีวิตเพิ่มขึ้น) ต้นทุนลูกสุกรหย่านม/สุกรขุนก็จะลดลง  แต่สิ่งที่เป็นปัญหาที่ผู้ประกอบการหลายๆ ท่านเคยพบก็คือ “ลูกดกแต่เก็บไม่ได้”   รูปที่ 1. แม่สุกรที่เลี้ยงลูกดก มักพบปัญหาลูกสุกรสูญเสียในช่วงสัปดาห์แรกของการเลี้ยง             สาเหตุที่เกิดปัญหาลูกดกแต่เก็บไม่ได้นั้นมีหลายปัจจัย โดยผู้ประกอบการส่วนใหญ่มักมองว่ามาจากการจัดการเป็นหลัก เช่น การเตรียมคอกคลอด การทำคลอด การย้ายฝาก เป็นต้น ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ปัจจัยสำคัญที่เป็นตัวกำหนดประสิทธิภาพของสุกรตั้งแต่แรกเลยคือ “พันธุกรรม” แน่นอนว่าถ้าพันธุกรรมดี ก็จะส่งผลให้การแสดงออกภายนอกของสุกรดีขึ้นด้วย ประเด็นสำคัญอยู่ที่ผู้พัฒนาสายพันธุ์ให้ความสำคัญกับเป้าพัฒนาสายพันธุ์ครอบคลุมถึงประสิทธิภาพตั้งแต่สุกรเกิดจนถึงขุนหรือไม่ กล่าวคือถ้าสุกรบางสายพันธุ์มีเป้าพัฒนาสายพันธุ์โดยมุ่งเน้นแต่เพียงดัชนีลูกดก โดยไม่ได้มีดัชนีที่เกี่ยวข้องกับความแข็งแรงของลูกสุกรหรือความสามารถในการถ่ายทอดการเจริญเติบโตจากพ่อแม่ไปยังลูกได้นั้น ก็มักจะพบปัญหา “ลูกดกแต่เก็บไม่ได้” ดังกล่าวเกิดขึ้น   “แล้วแดนบรีด (DanBred) เล็งเห็นความสำคัญตรงนี้อย่างไร ?”   […]

22 Nov 2022

We use cookies to optimize and enhance the experience of using the website. You can learn more about the use of cookies at Cookie Policy and can choose to consent to the use of cookies. by clicking cookie settings

Privacy Preferences

You can choose cookie settings by on/off. Cookies of each type are available on request, except for Necessary Cookies.

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Necessary Cookies
    Always Active

    These types of cookies are essential for the website's operation, i.e. cookies that enable the website to perform basic functions and to allow the website to function normally, such as navigating the website pages. or enable visitors/users of the website to log in and access parts of the website that are reserved for members only. The website will not function properly without these cookies being collected. Therefore, you cannot disable these types of cookies through the system of the Company's website. These cookies do not store information that can personally identify you in any way.

Save